ความเหนื่อยของการเดินทาง
เมื่อวานนานๆทีได้ออกไปข้างนอก ได้ขึ้นรถประจำทาง ไปที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านกาแฟ พอเสร็จปุ้บฝนตกหนักก็เลยมาเล่นเกมรอ (ลูกค้า plugin…
เมื่อวานนานๆทีได้ออกไปข้างนอก ได้ขึ้นรถประจำทาง ไปที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านกาแฟ พอเสร็จปุ้บฝนตกหนักก็เลยมาเล่นเกมรอ (ลูกค้า plugin ทักมาตอนพักพอดี 555) เบียด BTS ก็แล้ว แล้วพอมาถึงเซ็นลาดก็เจอภาพเดิมๆที่คุ้นเคยเมื่อสมัยไม่ freelance คือรถแบบ เดินแซงได้ (สมัยนั้นยังไม่ไปญี่ปุ่น เดินเซ็นลาด-เมเจอร์ทุกวันแล้วเรียนญี่ปุ่นไปด้วยจนเริ่มอ่านออกได้แต่ดันต้องคอยหลบมอไซค์บนฟุตบาทระหว่างอ่านอีก) สุดท้ายก็เลยทำงาน สตบ. เซ็นลาดจน 4 ทุ่มถนนค่อยพอว่า
เสร็จแล้ววันนี้ตื่นมา บ่ายโมง! ทั้งๆที่งานรวมของเมื่อวานก็เท่าๆวันอื่นๆ
แปลว่าความเหนื่อยจากการเดินทางไปมา เดี๋ยวถนนเดี๋ยวลอยฟ้า ขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์ บันไดเลื่อน ฯลฯ นี่มันเยอะมากๆๆเลยนะครับ ไม่ใช่เสียเวลาแค่วันก่อนหน้า เสียเวลานอนมากขึ้นด้วย แต่ก่อนที่เดินทางไปกลับงาน นอนเที่ยงคืนแล้วตื่นเช้าก็ทำได้มาตลอดแต่ลืมนึกว่า stamina ตอนตื่นไม่เต็มเท่าเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ชินแบบ stamina เต็มแล้วนานๆทีมาเจอเดินทางเข้าไป มันก็เลยยังอยากได้ stamina เต็มอยู่แต่เวลายืดไปแทน
คิดดูดีๆความรู้สึกที่ว่าไม่ต้องมีพักเสาร์อาทิตย์ก็ยังได้ พ่อแม่มาเห็นยังงงทำแต่งานไม่เบื่อเหรอ จริงๆน่าจะมาจากไม่ต้องมา recover จาก fatigue จากการเดินทางที่รวมกันมา 5 วันก็เป็นไปได้ครับ เพราะตอนสมัยทำงานปกติเล่นเกมก็เล่นได้ทุกวันตอนเย็นเหมือนตอนนี้ ที่ไม่เหมือนแค่ว่าโดนบังคับให้เดินทางทุกวันจนกว่าจะเสาร์อาทิตย์ เพราะงั้นไม่น่าเกี่ยวกับพักผ่อนในแบบ “พักทำงานไปทำอย่างอื่นบ้าง” แต่น่าจะ “พักเดินทาง” มากกว่า
ฟรีแลนซ์เรื่องเงินก็แน่นอนสู้เงินเดือนยาก เรื่อง freedom ก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่เพราะมีเจ้านายก็ไม่เห็นเป็นไรมีคนคุยด้วยเยอะขึ้นก็ดี แต่เรื่องเดินทางนี่แหละ quality of life ของจริงผมว่า ถ้าปีหน้าทำงานจะให้ 1st priority เป็นต้องลงถนนน้อยที่สุด = =