เล่าประสบการณ์เลิกเล่น Overwatch มาเกือบ 2 เดือน

ผมเล่นเกมนี้มาตั้งแต่เปิด เล่นแทบทุกวัน จนถึงเทศกาลกุ๊กไก่ที่พักไปทำเกมยาวแต่ก็กลับมาอีก ต่อมาก็เล่นวันเว้นวันบ้าง สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง…

เล่าประสบการณ์เลิกเล่น Overwatch มาเกือบ 2 เดือน

ผมเล่นเกมนี้มาตั้งแต่เปิด เล่นแทบทุกวัน จนถึงเทศกาลกุ๊กไก่ที่พักไปทำเกมยาวแต่ก็กลับมาอีก ต่อมาก็เล่นวันเว้นวันบ้าง สัปดาห์ละครั้งสองครั้ง ถือว่าไม่ผิดปกติอะไร ส่วนมากก็จะประมาณครั้งละ 10 ตา หรือถ้าชนะรัวๆก็จะเลิกเลยด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้นอนฝันดี ถ้าแพ้ก็จะเล่นจนกว่าจะชนะ

แต่มาถึงช่วงนึงประมาณกลางปีนี้เกิดเหตุการณ์บ้าอะไรก็ไม่รู้ ก็คือเล่นแล้วแพ้ (555) แบบรู้สึกว่าเกมเหี้ยอะไรมีแต่คนเก่งกว่าเรา บางทีเข้าไปเล่น 3 ตาแล้วเป็น แพ้แพ้แพ้ ก็เลิกเลย

แล้วจากนั้นช่วงพักระหว่างเล่นก็ค่อยๆยาวขึ้นเพราะเกิดเป็น trauma แต่สุดท้ายก็มีวันแบบ ฮึบบ งานเหนื่อยจังเข้าไปพักผ่อนดีกว่า แต่ผลก็ออกมาแพ้รัวๆเหมือนเดิม จนเริ่มโทษเกมว่าเกมเหี้ยอะไรไม่เอาทีมอ่อนๆมาให้ยำเล่นบ้าง 555 จากนั้นเวลาเลิกงานแล้วรู้สึกอยากคลายเครียดก็เลยเริ่มไป KFC แทน ด้วยความคิดที่ว่าซิงเกอร์น่าจะให้ความสุขได้มากกว่าในเวลาน้อยกว่า

แล้วเรื่องมหัศจรรย์!! คือบางทีรู้สึกว่าแพ้รัวๆแต่เข้าไปดูเว็บสถิติที่เล่นตะกี้ ส่วนมากจะเป็น 50%-50% (อ้าว!) เหตุผลก็คือตอนแพ้มันไม่ได้แพ้แบบสนุก แล้วตอนชนะก็ชนะแบบโง่ๆ ก็เลยรู้สึกว่าแพ้อย่างเดียว

ครั้งล่าสุดรู้สึกจะพักประมาณครึ่งเดือนแล้วกดเข้าไปอีก (ตอนนี้เวลาคลิก เริ่มเกิดความลังเล) แล้วก็เหมือนๆเดิม ตอนนี้เริ่มเป็นขี้แพ้ชวนตีแล้ว ด่าเซิฟเวอร์ว่าไม่จำสถิติคนนานๆมาเล่นทีเลยเหรอไง ไม่รู้เหรอว่าต้องปล่อยให้ชนะบ้างออกแบบเกมภาษาอะไรเนี่ย อีโง่ หอยหลอด

ต่อจากนั้นก็เลยไปหาทางคลายเครียดวิธีอื่นที่มันชนะชัวร์ๆ ไปเล่น PS4 เกม Crash มันก็มีตายนะ แต่ที่ค้นพบคือมันไม่รู้สึกว่า “แพ้” แต่รู้สึกว่ากำลัง “ไปสู่เป้าหมาย” (คือตอนนี้เริ่มเอะใจแล้วว่าเอ๊ะ หรือว่าคำว่า lose จริงๆแล้วจะมีแต่กับเกม multiplayer) ก็เลยเล่นเกมคอนโซลเหมาะสำหรับไอ้อ่อนขี้แพ้อย่างเรา

แล้วก็ไปทำงานอดิเรกทำวิดิโอ ทำ Blender ทำ MV ทำเพลงแข่งงานต่างๆ ก็เป็นจริงอย่างที่คุณ Blender Guru พูดไว้ (ไม่รู้จักก็ช่างหัวเขาไป) ในคลิป “อยากฝึก Blender แต่ไม่มีกะใจเลยทำไงดี” ว่าจะทำครีเอทีฟเป็นงานอดิเรกได้ ก่อนอื่นต้อง recognize ความสุข “มวลรวม” ให้ได้ เขาบอกเขาก็เป็นคนติด Overwatch เหมือนกัน เกมถ้าเข้าไปเล่นก็จะได้ความสุขทันทีเลย โป้ง… แต่ถ้าทำงานประดิษฐ์มันอาจจะไม่ได้ทันที เราต้องมองไปไกลหน่อยว่ามันจะมาทีหลัง เวลาติดเกมแล้วอาจจะลืมจุดนี้ไป

โฟกัสกับพวกนั้นจนเสร็จครบจนได้ (ประมาณสัปดาห์ก่อน) พายุงานโดจินเริ่มสงบลงก็เลยมานึกถึง OW ได้อีกทีว่าเข้าไปเล่นดีมั้ย ได้ข่าวว่าตัวละครใหม่ยิงจรวดได้แล้วมีด่านใหม่ด้วย แต่ทีนี้ ความรู้สึกที่ไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกก็เกิดขึ้น 555 ก็คือ ถึงกับชะงักแล้วคิดให้ดี ว่าเราจะเข้าเกมไปจริงๆเหรอ ในเมื่อมันมี “ความเสี่ยง” ที่จะทำให้ความสุขเราหายไปได้! เราจะเดิมพันความสุขของเรากับเกมนี้จริงเหรอ!

โอ้ว จากตอนเด็กๆที่คิดว่าเล่นแต่เกมนี่แหละดีที่สุดอะไรจะมาเทียบได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากนั่งเล่นแรคทั้งวันอะนะ ตอนนี้มีเกม OW นี่แหละที่ทำให้คิดว่าเกม (multiplayer) เป็น gamble ไปแล้วว่าจะบวกหรือลบ กลายเป็นว่า ถ้าตอนนี้อารมณ์ “ยังไม่แย่มาก” ก็จะคิดว่า ไม่ “เสี่ยง” เข้าไปเล่นดีกว่าเดี๋ยวเสีย ทั้งเวลา ทั้งอารมณ์ ตกลงกุได้อะไรเนี่ย 555 ถึงตอนอารมณ์แย่ ก็ยังคิดอีกว่า “ไม่อยากแย่กว่านี้” 555

สุดท้ายกลายเป็นเอ้อ! ไม่เล่นดีกว่าเราน่าจะมีความสุขอยู่แล้ว! …เหยดม่อน ไม่คิดว่าตัวเองจะคิดแบบนี้ได้ ไอ้เกม Overwatch นี่แหละสอนผมครั้งแรกว่าเล่นเกมมีความไม่คุ้มอยู่ด้วย ไปเล่นกับแมวข้างล่างหอยังจะได้ความสุขชัวร์กว่า 555 ตลก จบ แล้วไอดีในภาพไม่ต้องแอดมานะ กลัวแพ้