Depression

ตะกี้ นั่งทำงานอยู่ร้านกาแฟเหมือนทุกวัน เหมือนทุกเดือน เหมือนปีที่แล้ว แต่อยู่ๆก็รู้สึกจี๊ดขึ้นมา ก็เลยอยากจะบันทึกไว้…

Depression
ภาพไม่ได้คิดอะไร ไม่ใช่ของวันนี้ด้วย แค่เปิด photos.google.com แล้วเอาอันล่าสุดมา

ตะกี้ นั่งทำงานอยู่ร้านกาแฟเหมือนทุกวัน เหมือนทุกเดือน เหมือนปีที่แล้ว แต่อยู่ๆก็รู้สึกจี๊ดขึ้นมา ก็เลยอยากจะบันทึกไว้ คิดว่าพรุ่งนี้อาจจะอธิบายได้ไม่เหมือนเดิม

ตั้งแต่เที่ยงๆจน 1 ทุ่มก็นั่งปั่น Unity เหมือนปกติทุกวันยังไม่มีอะไรผิดปกติเลยนะ แต่อยู่ๆมันก็มา ขอเวลาคิดทบทวนแปปนึง

รู้สึกว่าตอนนั้นอยู่ๆก็กลับมาวกคิดถึง “เป้าหมายนั้น” คือ ที่ตั้งใจทำเกมมาตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่น จนไทยเกิน 1 ปี ก็เพื่อวันที่จะพิมพ์โค้ดบรรทัดสุดท้าย อยากจะเสร็จให้เร็วที่สุดแหละแล้วก็ในปีนี้ด้วย เพราะมีบางอย่างที่ผมอยากจะทำมากแต่ตั้งใจไว้ว่าหลังเกมเสร็จน่าจะดีที่สุด แต่ก็ไม่แน่ว่าจนถึงตอนนั้นแล้ว มันจะยังเป็นสิ่งที่ทำได้อยู่มั้ย เวลาไม่เคยคอยใคร

รวมถึงจะไปเข้างานที่งานประจำด้วยซึ่งน่าจะ SCB จะได้เดินไปได้หลังจากเกมเสร็จแล้ว แต่ก็คงดูท่าทางของเกมก่อนซักพัก

เสร็จแล้ว ความคิดนี่พอเราเริ่มแล้วเราหยุดมันไม่ได้เลยครับ

ต่อมาเราก็คิดถึงอายุที่เข้าใกล้เลข 3x คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดที่เดินไปเดินกลับร้านกาแฟ คนทำงานก็คงไม่ต่างกัน แต่เพราะเป็นงานแบบนี้ ความคิดก็เลยไหลไปต่อ ว่ามันเหงาเหมือนกันนะ พอคิดแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างชัดเจน (เจ็บแว้บ คล้ายๆแบบเหมือนตอนอกหัก กังวล หรือเสียใจที่เราจะรู้สึกอยู่ข้างในได้จริงๆ เหมือนมีอะไรบีบ)

ตั้งแต่หลายเดือนก่อน ความรู้สึก “adventurous” ที่แบบตื่นมาแล้ว เอาล่ะ! ลุยโว้ยยย เมื่อวานถึงตรงนั้นนี่นะ ไปมาๆกับร้านกาแฟ กลับมาห้องแค่นอน แม้แต่บนเตียงยังทำต่อจนหลับเลย ตอนที่อยู่ในสถานะนั้นทุกอย่างมันสนุกมันราบรื่นจริงๆ พองานเป็นของของตัวเองแบบนี้ มัน engrossing มาก แล้วมัน inhibit ความรู้สึกต่างๆที่เราควรจะรู้สึก เช่นความเหงา ความ depression นี้ไว้จนหมดสิ้น ว่าแต่นี่คือ depression ที่เขาว่ากันรึเปล่า น่าจะใช่มั้ง เอามาเป็นหัวโพสต์เลยก็แล้วกัน

มาคิดดูตอนนี้ (ตอนนี้จริงๆที่พิมพ์อยู่เนี่ย) ก็ยังสงสัยอยู่ว่าตัวเอง “หลบ” การคิดไปในทาง depression มาได้นานขนาดนี้ได้ไง (จริงๆจำได้ว่าเมื่อเช้านี้ ก็ยังอยู่ใน flow เดิมที่ยาวมาตั้งแต่ประมาณต้นปีอยู่เลย) ทั้งๆที่ factor ต่างๆใน lifestyle มามองดูตอนนี้ มันชวนให้คิดแบบนั้นมากเป็นพิเศษด้วย

ซึ่งสมัยทำงานประจำหรือสมัย ป.โทนี่ คิดแบบนี้ ระดับรายวันหรือรายสัปดาห์ เซ็งชีวิตตลอด พอมาเป็นแบบนี้มันจะไม่ค่อยได้คิดเพราะตัวงานมันเป็นชีวิตอยู่แล้ว แต่พอได้คิดเท่านั้นแหละ แมร่งโคตรเจ็บ เพราะนานๆทีรึเปล่าก็ไม่รู้ก็เลย damage แรงแบบนี้

แล้วก็พี่ที่ร้านกาแฟถามคำถามฮิตด้วยว่า เรียนจบยัง แล้วก็ตามด้วย ทำอะไรอยู่ ใครที่ถามแบบนี้ก็ได้อธิบาย (ด้วยความภูมิใจแต่ก็เหนื่อยๆพร้อมกัน แบบยิ้มแห้งๆน่ะครับ) ว่าตอนเรียน​ญี่ปุ่นเก็บเงินรัฐบาลมา ก็เลยอยากจะลองทำเกมล้วนๆแบบไม่มีงานประจำดูซักครั้งว่าจะเป็นไง แล้วปีหน้าว่าจะเข้างานจริงๆครับ

ทุกครั้งอธิบายแบบนี้ก็ไม่อะไรนะ รู้สึกมีพลังด้วยซ้ำ แต่เมื่อกี้นี้มันต่อจากความคิดที่เป็นต้นเหตุให้ depress ก็เลยยิ่งยาวไปใหญ่

เดินกลับบ้านมาก็เกิดความคิดแปลกๆอีก ออกมาจากร้านก็หิวนะเพราะเข้าเที่ยงแล้วออก 3 ทุ่ม แต่ไม่อยากกินข้าวที่ร้าน อยากกลับห้อง

ปกติตัวเองจะไม่อยากล้างจานก็เลยกินให้เสร็จๆค่อยเข้าห้อง แล้วไปลุยทำเกมต่อในห้อง แต่วันนี้ ขามันพาเดินจนคิดตามไม่ทัน ท้องหิวจนปวด แต่ไม่อยากอาหาร ก็เลยซื้อบะหมี่แห้งใส่ถุงแทน

ตอนนั้นไม่ได้คิดละเอียดว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนั้น มาถึงห้องถึงเพิ่งเข้าใจ มาถึงพี่กลับอุดรแล้ว คือทำงานคุมไซต์ก่อสร้างที่อุดรเป็นหลักอยู่แล้ว แต่บางทีก็ต้องมากรุงเทพด้วย เข้ามาในห้องได้ยินเสียงบรรยากาศดังวี๊…

ถ้าเป็นเมื่อตอนที่น้องมาอยู่ห้องเดือนก่อน (รึเปล่า..​ลืมวันเวลาหมดแล้ว) นี่เป็น ideal situation มาก เพราะน้องเล่นเกมในห้องแทบจะตลอดเวลา ถ้าไม่เล่นก็นอน เห็นแล้วพลังชีวิตหมด ก็เลยอยากอยู่คนเดียวบ้าง ส่วนพี่ไม่เป็นไรเพราะรู้ว่าพี่เป็นคนทำงานเหมือนกับเรา กลับห้องมาเห็นพี่เล่นเกมก็ยังรู้สึก “อิน” อยู่ ไม่มีผลอะไร ปกติ พี่อยู่ก็โอเค ไม่อยู่ก็โอเค ไม่ได้อะไรมาก

แต่เข้าห้องมาเมื่อกี้มันมีอะไร แอบรู้สึกผิดหวัง เพียงเพราะว่าเป็นการเดินออกจากร้านกาแฟตอน 3 ทุ่มเหมือนทุกวัน ในสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไป ทุกอย่างมันพลิกไปคนละด้านหมดเลย

ก็เลยเข้าใจว่าตัวเองกำลังโหยหา “สังคม” อย่างน้อยก็เจอพี่ก็ยังดี เมื่อวานนี้พี่เข้าห้องมาประมาณตี 4–5 แล้วมาเล่นมอนฮันก่อนนอน เราก็ทำงานอยู่ในห้องนอนตอนนั้นพอดีเลยออกมาดูพี่สู้ Negi ด้วย เมื่อวานยังมีคนอยู่เลยตอนนี้ไม่มีแล้ว ยิ่งเปรียบเทียบยิ่งเจ็บขึ้น

อาจจะประกอบกับ routine กลับบ้านมารีบออนมอนฮันกับเพื่อนหมดไปแล้วด้วยเพราะเล่นกันจนจบเกมครบแล้วเลยแยกย้ายกันไป ช่วงนั้นเลยไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร ตอนนี้เห็นว่าเล่น PUBG กันอยู่แต่คอมไม่แรงพอเลยไม่ได้เล่นด้วย

แล้วก็เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วยมั้ง ตั้งแต่เกมเต้นหายไปจากเมเจอร์แล้วต้องไปเดอะมอลงามก็ไกล หาโอกาสแวะไปไม่ค่อยได้ต้องตั้งใจไปจริงๆ เดี๋ยวต้องรีบซ่อมแผ่นเต้นทำเองที่กำลังโมอยู่ให้เสร็จ คิดว่าถ้ามีเหนื่อยๆตัวบ้างคงช่วยได้ เอ๊ะหรือว่าเพราะไม่ค่อยได้กินอะไรพิเศษด้วยตั้งแต่ไม่ค่อยได้ไปห้างแล้ว ก็วนแค่ร้านข้างถนนมาตลอด

ตอนนี้คงต้องพยายามตั้งสติดีๆ เอาตัวเองที่ดีใจกับความเงียบกลับมาให้ได้ ถ้าไม่ใช่วันนี้อย่างน้อยก็อีกซัก 2–3 วันต่อไป

เพราะต้องอย่าลืมว่าเราเคยฮึดกับอะไร สิ่งนั้นมันยังไม่ได้หายไปไหนซักหน่อย แค่เราบังเอิญคิดถึงอย่างอื่นขึ้นมาที่เคยไม่คิดได้ตลอด

จริงๆนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ปีที่แล้ว รู้สึกจะมีช่วงที่คิดแบบนี้ประมาณ​ 3–4 ครั้งล่ะมั้ง ตอนนี้จริงๆก็ไฟแรงอยู่เพราะเพิ่งได้ลอง C# Jobs กับ ECS ใหม่ของ Unity ที่จะเป็นกุญแจสำคัญให้เกมเราเล่นได้ลื่นก็เลยไฟแรงขนาดโปรแกรมจนลืมเวลานอนเลย (ด้วยความเต็มใจ ด้วยความสนุกด้วย ไม่ใช่ด้วยความอยากเสร็จอย่างเดียว)

คิดว่าต้องทบทวนเอา anchor ต่างๆพวกนั้นมาเพื่อสู้กับ depression นี้ anchor ที่ว่า เคยคิดถึงเรื่องการฆ่าตัวตาย ว่าเราจะรู้ได้ไง ว่าถ้าวันนึงเราคิดไปในทางนั้น แล้วเราจะไม่ตายจริงๆ? วิธีแก้อาจจะคือ ลองคิดถึง situation ที่เราจะคิดแบบนั้นไว้ล่วงหน้า แล้วเวลาคิดจริงเราจะได้รู้ตัวว่าเคยคิดแล้ว

แต่มองขึ้นมาอีกขั้น สิ่งที่เป็น protection ที่แท้จริงที่ทำให้เราไม่คิดแบบนั้นคือ anchor ที่เป็นจุดยึดของชีวิตต่างหาก

เช่นตอนนี้ถึงผมจะขาดสังคม แต่ก็ยังมีวันที่เกมจะเสร็จ ยังมีซักวันที่ผมจะพาพ่อแม่ไปประเทศไกลๆได้บ้าง ยังมีซักวันที่ไปเปิดบูธอยู่งาน Comiket หรืองาน M3 ด้วยแผ่นเพลงตัวเองพร้อมกับภาษาญี่ปุ่น N1 มีซักวันที่ไปงาน game show ที่ญี่ปุ่นไม่ก็เกาหลีโดยยืนหลังบูธเกมตัวเองแล้วได้แจกเข็มกลัดให้ผู้เล่นที่มาเยี่ยมบูธ ยังมีซักวันที่นั่งทำของจากไม้ในบ้านของตัวเองที่มีพื้นที่ workshop โดยเฉพาะ มีซักวันที่นั่งเล่นคีย์บอร์ดแบบคีย์มีน้ำหนักในบ้านของตัวเอง มีซักวันที่ห้องของตัวเองสามารถทำเพลงโดยใช้ลำโพงได้และมีโฟมกันเสียงอุดรอบห้อง หรือยังมีซักวันที่ไปซื้อของที่ TOPS ด้วยอารมณ์ที่ว่าวันนี้จะทำอะไรเพื่อคนที่รักและลูกๆดี

มองทุกอย่างเป็น toggle นะครับ คือ anchor ทุกตัวที่ว่ามา มันไม่ได้ on พร้อมๆกัน (แต่ตอนนี้ on พร้อมกันหมดแล้ว แน่สิผมเพิ่งคิดถึงมันแล้วพิมพ์ออกมา) วินาทีที่เราคิดจะฆ่าตัวตาย ความคิดเห็นของผมคือตอนที่มันเป็น off ทุกตัว แล้วเราไม่รู้ตัวนั่นแหละครับ

anchor ที่ผมว่ามามันเคยมีมากกว่านี้ด้วย แต่บางอย่างก็ค่อยๆหายไป เหตุผลก็มีหลายอย่าง เพราะมันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว บางอย่างก็ยอมแพ้ไปเองเพราะคิดว่าเรา​ ณ ตอนนี้ไม่ได้อยากได้แบบนั้นเหมือนเดิมแล้ว บางอย่างก็ลืมไปจริงๆใครจะไปรู้ว่ามีอีกมั้ย

เขียนไปเขียนมายาวจัง มาลงที่สาธารณะแบบนี้จะมีประโยชน์กับคนอื่นมั้ยหว่า depression ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ผมว่าการได้คิดแบบนี้บ้างเป็นสิ่งที่ดีนะ กลับเข้าเรื่อง เอาล่ะอย่างน้อยเอาอันใกล้ๆเนี่ย เกมเสร็จปีนี้นะ แล้วหลังจากวันนั้นเราจะทำอะไรที่รอมาตลอดกี่เดือนกี่ปี ยังอยากจะทำอยู่มั้ย ถ้ายังอยากอยู่ ก็ตั้งใจนะ เริ่มจากเปลี่ยน loop สำคัญนั้นเป็น component-system นะ โอเคมั้ย ตะกี้ บอกตัวเองแบบนี้ไป ไม่รู้จะได้ผลมั้ย แต่เดี๋ยวคงไปกินก๋วยเตี๋ยวแห้งที่ซื้อมาก่อน ว่าแต่ ห้องมันเงียบจังเลย

ตอนนี้ผมคิดว่าถึงเวลานึกถึงสิ่งที่เหลืออยู่ของชีวิตให้ดี เพื่อมาช่วยให้ depression มันไม่ลามไปมากกว่านี้ แล้วพรุ่งนี้จะได้ตั้งใจลุยต่อดีๆได้อีกรอบแล้วก็หวังว่าจะยาวๆเหมือนเคยครับ